'ศิริกัญญา' จับตารัฐบาลวางแผนยึด 'การบินไทย'

“ศิริกัญญา” ชี้ รัฐบาลเตรียมวางแผน “ยึดการบินไทย” ส่งผู้บริหารเพิ่ม 2 คน กุมเสียงข้างมาก และมีข่าวว่าคลังยังจะซื้อหุ้นเพิ่มอีก เพื่อให้ได้อำนาจควบคุมการบินไทยมากขึ้นกว่าเดิม ศิริกัญญาระบุรัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่ต้องซื้อหุ้นการบินไทยหรือส่งผู้บริหารเข้าไป ฝากเจ้าหนี้การบินไทยช่วยกันโหวตไม่รับผู้บริหารแผนคนใหม่

ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Sirikanya Tansakun - ศิริกัญญา ตันสกุล” จับตารัฐบาลวางแผนยึดการบินไทย หลังการบินไทยกลับมากำไรต่อเนื่อง ศิริกัญญาตั้งข้อสังเกตว่าแม้รัฐบาลจะไม่ได้เอาการบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่งผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ เพิ่ม 2 คน กุมเสียงข้างมาก ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มสิทธิ ทั้งๆ ที่จัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า

จากที่มีความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้การบินไทยหลังจากเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการมา 3 - 4 ปี ตอนนี้กำลังจะออกจากแผนแล้ว โดยเสนอแผนแปลงหนี้เป็นทุนและการลดทุน เพื่อพลิกการขาดทุนสะสมให้กำไรกลับมาเป็นบวก แผนแปลงหนี้เป็นทุนถูกยื่น filing ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือลดทุน

โดยในวันที่ 8 พ.ย. 2567 เจ้าหนี้การบินไทยทั้งหลายจะต้องโหวตรับรองแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไข เพื่อขอลดทุนเพื่อล้างหนี้สะสมซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่ในแผนที่จะแก้ กลับเพิ่มเรื่องขอเพิ่มผู้บริหารแผนฟื้นฟูอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน 1 คน จากคลัง อีก 1 คนจากคมนาคม เพื่อกุมเสียงข้างมาก (ปัจจุบันตัวแทนจากคลังมี 1 คนคือ พรชัย ฐีระเวช ผอ.สศค.)

 หลายคนอาจจะคิดว่าก็ถูกแล้ว รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็ควรมีตัวในการบริหารแผนฟื้นฟู

ศิริกัญญาระบุว่า ผิด จริงๆ คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูเป็นตัวแทนจากฝั่งเจ้าหนี้ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น รัฐบาลให้การบินไทยกู้ 12,800 ล้านบาท จากยอดหนี้ 129,000 ล้านบาท หรือ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่จะขอเป็นเสียงข้างมากในคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู และดูจะเอาเปรียบเจ้าหนี้รายอื่นเกินไป

ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะให้กู้เพิ่มตอนเข้าแผนฟื้นฟูใหม่ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ให้สักบาท มีอย่างเดียวที่ช่วยได้จนเกิดมรรคเกิดผลคือปลดการบินไทยจากสถานะ “รัฐวิสาหกิจ” ทำให้การบริหารคล่องตัวขึ้นมาก

พอมาวันนี้ ที่การบินไทยกลับมายืนได้อีก ต้องกลืนเลือดปลดคนออกไป 50 เปอร์เซ็นต์ขายเครื่องบินและทรัพย์สิน ปฏิรูปองค์กรให้กลับมาทำกำไรได้ต่อเนื่อง รัฐบาลก็อยากมีส่วนร่วมบริหารขึ้นมาทันที และยังไม่ต้องคำนึกถึงว่า หลังแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว สัดส่วนหุ้นที่คลังถือก็จะอยู่ราว 33 เปอร์เซ็นต์เพียงเท่านี้ คลังก็ยังคงสิทธิออกเสียง เลือกบอร์ด ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดแล้ว

นอกจากนี้ศิริกัญญาระบุว่า มีข่าวว่าคลังยังจะเอาเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกเพื่อให้ได้อำนาจควบคุมการบินไทยมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็จะซื้อไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ไม่ให้การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ จะหาเงินจากไหนไปซื้อหุ้นหลายหมื่นล้านบาทได้ ซึ่งอาจจะมาจากเงินภาษีประชาชน

ที่สำคัญการบินไทยเองเคยมีบทเรียนกับการที่รัฐบาลเข้ามายุ่มย่ามเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน A340 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ทำให้ขาดทุนจนทุกวันนี้

ศิริกัญญาเสนอว่า ในเมื่อรัฐบาลก็มีอำนาจควบคุมการบินไทยเพียงพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องซื้อหุ้นการบินไทยเพิ่มทุนอีกหรือส่งผู้บริหารแผนเข้ามาเพิ่มอีก ถ้ารัฐบาลไม่ได้เล็งเห็นถึงเป้าประโยชน์อื่นๆ ที่อยู่ในการบินไทย สุดท้ายศิริกัญญาฝากเจ้าหนี้การบินไทยช่วยกันโหวตไม่รับผู้บริหารแผนคนใหม่